ขอบอกว่าราคาข้าวเหนียวขณะนี้นั้นลงเหลือเพียง8.5 บาทแล้ว ไม่ใช่ 12-13 บาท เหตุผลหลักๆเลยคือชาวนาปลูกข้าวเหนียวมากเกินไป และผู้ซื้อในต่างประเทศสำคัญได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน รู้ว่าข้าวเหนียวไทยมีมากในปีนี้ ทำให้ชะลอการสั่งซื้อ ผู้ส่งออกก็เลยไม่ซื้อข้าวเหนียวจากโรงสี โรงสีก็เลยซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากชาวนาน้อยลงและปรับราคาลดลงอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการที่จะขาดทุนเพราะหากซื้อไว้ราคาสูงแต่ขายได้ราคาต่ำก็ขาดทุนมากมายแน่นอน ดังนั้นวิธีการเดียวคือซื้อแบบน้อยๆลดราคาลงเรื่อย ซึ่งกลางเดือนพ.ย.ถึงกลางเดือนธ.ค. จะเป็นช่วงเวลาที่ชาวนาจะเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกเหนียวและขายออกสู่ท้องตลาด ราคาจะตกต่ำอย่างรวดเร็ว รัฐมนตรีพาณิชย์ประกาศวันประชุมสมาคมโรงสีข้าวไทยเมื่อต้นเดือนพ.ย.ว่าจะแทรกแซงราคาข้าวเหนียวโดยการรับจำนำ จนบัดนี้ยังไม่มีอะไรออกมาเลย ได้ข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะนัดประชุมกนช.29 พ.ย. พอดีข้าวเปลือกเก็บเกี่ยวเกือบจะหมดแล้วกว่าจะเริ่มรับจำนำ แถมเป็นการรับจำนำยุ้งฉางของชาวนาอีกต่างหาก ไม่ได้ให้โรงสีรับจำนำเหมือนข้าวชนิดอื่นๆ ดังนั้นปีนี้ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวที่เพิ่มขึ้นมาก ล้านกว่าตันข้าวเปลือกนั้น ยุ้งฉางชาวนาจะเก็บได้แค่ไหนกัน บอกได้คนเดียวว่าเป็นกรรมของชาวนา วิธีการที่จะช่วยเหลือตอนนี้ระยะสั้นก่อนคือต้องให้โรงสีรับจำนำข้าวเปลือกเหนียวเหมือนข้าวชนิดอื่นๆ หากพื้นที่ใดโรงสีในพื้นที่ไม่สามารถรองรับปริมาณผลผลิตได้ก็ต้องให้โรงสีอื่นในจังหวัดอื่นๆช่วยรับจำนำให้ ดังนั้นหากเป็นเช่นนี้แล้วข้าวเปลือกก็จะลดปริมาณในตลาดลง ราคาก็จะนิ่ง ต่างประเทศก็จะกลับมาซื้อ เพราะทุกคนรู้ว่าราคาจะต้องลงเพราะผลผลิตมาก เรื่องอะไรจะรีบซื้อ รอในราคาตกต่ำที่สุดก่อนค่อยซื้อ นั่นต้องยอมรับความจริงของหลักการค้าขายหลักการทำธุรกิจ สรุปว่าหากรัฐบาลจะเริ่มประชุม 29 พ.ย.แล้วรับจำนำที่ยุ้งฉางของชาวนา ก็จะได้เห็นราคาข้าวเหนียวต่ำลงสุดๆคอยดูแล้วกัน ทางแก้ไขคือรีบให้โรงสีรับจำนำโดยด่วนที่สุด ประกาศให้ต่างประเทศทราบโดยทั่วถึงกัน จะได้สั่งซื้อสักที เพราะมาเลเซียกะอินโดนีเซียต้องซื้ออยู่แล้วเพราะปลูกเองไม่ได้ ส่วนจีนปลูกได้ก็จะสั่งซื้อน้อยลงเช่นเดียวกับปีที่แล้วที่ข้าวเหนียวจีนเพียงพอและราคาของไทยสูงกว่ามากมาก ขอให้เป็นกระบอกเสียงของชาวนาไทยด้วยเถอะครับ