หลักการอันเป็นสาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการให้อานาจดักรับและเข้าถึงพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตารวจในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา)
๑. หลักการของร่างมาตรา ๑๐๕/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นไปในทานองเดียวกันกับ มาตรา ๑๔ แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.๒๕๑๙ มาตรา ๒๕ แห่ง พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.๒๕๔๗ มาตรา ๓๐ แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.๒๕๕๑ และมาตรา ๑๗ แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.๒๕๕๖
๒. การเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารตามร่างวรรคหนึ่ง
๒.๑ คดีความผิดที่เจ้าพนักงานจะเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสาร ได้แก่ คดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือคดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามที่ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ คดีที่มีความซับซ้อนซึ่งมีอัตราโทษจาคุกอย่างสูงเกินสิบปี คดีความผิดที่เป็นการกระทาขององค์กรอาชญากรรม
๒.๒ ผู้ที่จะขอเข้าเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสาร คือ พนักงานฝ่ายปกครอง ผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรืออธิบดีกรมการปกครองหรือตารวจผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้บังคับการตารวจขึ้นไป
๒.๓ การยื่นคาขอ ให้ยื่นได้เฉพาะต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดที่มีเขตอานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตในการเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสาร
๒.๔ คาขอเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารต้องระบุเหตุผลและความจาเป็น ในการยื่นคาขอ ซึ่งให้มีผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลน้อยที่สุด
๒.๕ หลักเกณฑ์ซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจะใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้เจ้าพนักงานเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับการกระทาความผิด คือ
๒.๕.๑ มีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทาความผิดหรือจะมีการกระทาความผิด
๒.๕.๒ มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะได้เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการกระทาความผิดจากการเข้าถึงเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารดังกล่าว
๒.๕.๓ ไม่อาจใช้วิธีการอื่นใดที่เหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพมากกว่าได้
๒.๖ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด สั่งอนุญาตได้คราวละ ไม่เกินเก้าสิบวัน โดยจะกาหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคาสั่งได้ เมื่อศาลฯ มีคาสั่งอนุญาต บุคคลที่ครอบครองหรือดูแลข้อมูลนั้นต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามคาสั่งดังกล่าว
๒.๗ ผู้ได้รับอนุญาต ต้องรายงานผลการดาเนินการต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาหรือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดทราบทุกสามสิบวัน
๒.๘ ประธานศาลฎีกาจะเป็นผู้กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคาของอนุญาตการอนุญาตและการรายงานผลการดาเนินการให้ศาลทราบ
๒.๙ เจ้าพนักงานเก็บรักษาเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับการกระทาความผิด ซึ่งได้รับอนุญาตเฉพาะเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในการสืบสวนหรือใช้เป็นพยานหลักฐานในการดาเนินคดีเท่านั้น ส่วนเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารอื่นให้ทาลายและรายงานต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติแล้วแต่กรณี กาหนด
๒.๑๐ ร่างมาตรา ๑๐๕/๒ ใหม่ กาหนดโทษกรณีผู้กระทาการใด ๆ ให้ผู้อื่นรู้หรืออาจรู้เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับการกระทาความผิด คือ ต้องระวางโทษ จาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับ ไม่เกินหกหมื่นบาท นอกจากนี้ได้กาหนดให้ผู้กระทาผิดที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจซึ่งเข้าถึงและได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสาร แล้วกระทาการใด ๆ ให้ผู้อื่นรู้หรืออาจรู้เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารฯ ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษของโทษปกติ